คนไทยติดหล่ม ท่องเที่ยวปลุกไม่ขึ้น

  • 0 replies
  • 2246 views
คนไทยติดหล่ม ท่องเที่ยวปลุกไม่ขึ้น
« เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2020, 11:55:12 AM »
ยอมรับว่าภาครัฐได้พยายามออกมาตรการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากปลดล็อกให้คนไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะโครงการ “เที่ยวปันสุข” ภายใต้งบประมาณรวม 22,400 ล้านบาท ซึ่งยังขับเคลื่อนไปได้ต่ำตามเป้าหมายจนต้องขยายวันสิ้นสุดโครงการจาก 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ไปเป็น 31 มกราคม 2564

“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงปัจจัยที่ทำให้การดำเนินการมาตรการดังกล่าวขับเคลื่อนได้ช้า แนวทางการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ไว้ดังนี้

รับกำลังซื้อในประเทศไม่มี
“รมต.พิพัฒน์” ยอมรับว่า การขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยถึงขณะนี้ยังมีผู้ใช้สิทธิ์ห้องพักไปแล้วประมาณ 2 ล้านคืนต้น ๆ เท่านั้น จากทั้งหมด 5 ล้านสิทธิ์ และยังมีเงินงบฯ เหลืออีกจำนวนมากนั้นสะท้อนชัดเจนว่า กำลังซื้อของคนไทยในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภาพรวมเศรษฐกิจและวิกฤตโควิด

โดยปัจจุบันกำลังซื้อของคนไทยกลับคืนมาได้ในระดับแค่ราว 33% ของปี 2562 จึงเชื่อว่าแม้จะพยายามอัดมาตรการมากแค่ไหน กำลังซื้อของคนไทยก็คงจะไต่ขึ้นได้สูงสุดแค่เพียงประมาณ 40% และเมื่อเข้าสู่ 2564 สถานการณ์กำลังซื้อจะยิ่งทวีความหนักหน่วง และคาดว่าจะตกลงมาอยู่ที่ประมาณ 15% ของปี 2562 เท่านั้น



ยันต้องเปิดรับต่างชาติโดยเร็ว
“ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยที่ผ่านมามีรายได้จากตลาดโดเมสติก หรือท่องเที่ยวภายในประเทศเพียง 30-35% กระตุ้นเท่าไหร่ก็คงไม่ได้เพิ่มไปได้มากกว่านี้ และไม่สามารถเติมเต็มให้กับซัพพลายที่โอเวอร์อยู่ในขณะนี้ได้”

พร้อมระบุว่า ทางออกเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยดีขึ้น ณ เวลานี้จึงเป็นการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น

“หากประเทศไทยยังคงกำหนดเปิดรับชาวต่างชาติแบบจำกัด และยังต้องกักตัว จะใช้เวลา 14 วัน 10 วัน หรือ 7 วัน 5 วัน ก็ยังไม่มีผลต่อการตัดสินใจมาท่องเที่ยวประเทศไทย จนกว่าประเทศไทยจะไม่มีการกำหนดวันกักตัวเท่านั้น ดังนั้น หากรัฐไม่บาลานซ์ระหว่างด้านความปลอดภัยและเศรษฐกิจ และยังไม่ยอมเปิดประเทศรับต่างชาติแบบไม่มีการกักตัวไปแบบนี้ ผมเชื่อว่ากลางปีหน้าซัพพลายท่องเที่ยวจะล้มหายตายจากไปราว 50% ของตลาด หลังจากหลายรายทยอยปิดกิจการชั่วคราวเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย”

เดินหน้าเจรจาทูตต่างประเทศ
“รมต.พิพัฒน์” บอกว่า ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯเตรียมเดินหน้าเจรจากับสถานทูตประเทศต่าง ๆ ประจำประเทศไทย โดยที่ผ่านมาได้เข้าพบเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทยแล้ว พร้อมทั้งเจรจาเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่มกอล์ฟชาวเกาหลีให้เดินทางเข้ามาประเทศไทย

พร้อมกักตัวในโรงแรมที่อยู่ในสนามกอล์ฟ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้สนามกอล์ฟที่สนใจเข้าร่วมโครงการเสนอตัวเข้าร่วมโครงการ State Quarantine แล้ว คาดว่าจะสามารถรองรับชาวเกาหลีได้ภายในไตรมาสสุดท้ายนี้

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเข้าพบเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อหารือโอกาสในการจับคู่เปิดประเทศอย่างจำกัด หรือ travel bubble ที่เป็นแนวทางการเปิดประเทศจับคู่ประเทศความเสี่ยงใกล้เคียงกันโดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน

จากนั้นจะขยายผลการเจรจากับเอกอัครราชทูตประเทศอื่น ๆ ด้วย อาทิ ญี่ปุ่น, เวียดนาม, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ ฯลฯ โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้

วางแผนเจาะรายประเทศ
สำหรับพื้นที่ประเทศจีนนั้น “รมต.พิพัฒน์” บอกว่า ตั้งเป้าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจาก 22 มณฑล ที่ปลอดจากโควิด-19 เป็นระยะเวลามากกว่า 150 วัน ที่มีฐานประชากรจีนรวมกว่า 800 ล้านคน และคาดการณ์ว่าประเทศไทยน่าจะพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีนแบบไม่ต้องกักตัวในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

โดยเชื่อว่าความมั่นใจของคนไทยจะทวีขึ้นหลังจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางด้วย special tourist visa (STV) ที่เดินทางเข้าไทย 3 กลุ่ม ในวันที่ 20, 26 และ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ปลอดเชื้อหลังกักตัว 14 วันแล้วเสร็จ

ในขณะที่ตลาดญี่ปุ่น ได้รับนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ดำเนินการหารือขั้นตอนและแนวทางนำนักธุรกิจและช่างเทคนิคจากญี่ปุ่นที่ต้องการเดินทางเข้าไทยกว่า 8,000 คน ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

ดันอีเวนต์กีฬาหนุนท่องเที่ยว
“รมต.พิพัฒน์” ยังบอกอีกว่า สำหรับในปี 2564 นี้ กระทรวงได้เตรียมผลักดันการท่องเที่ยวเชิงกีฬา และการกีฬาผ่านการดึงมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติมาจัดในไทย โดยขณะนี้ยืนยันแล้ว 3 งาน ประกอบด้วย งานแข่งขันแบดมินตันระดับสูงสุดของโลก 3 รายการใหญ่อย่าง HSBC BWF World Tour ตลอดเดือนมกราคม คาดว่าน่าจะใช้สถานที่จัดงานที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี

นอกจากนั้น ยังมีงานเอเชียนอินดอร์ มาร์เชียล อาร์ตส เกมส์ (Asian Indoor and Martial Arts Games) ที่จะจัดในเดือนพฤษภาคม 2564 ที่กรุงเทพฯ และชลบุรี คาดมีนักกีฬาและสตาฟร่วมงาน 9,000 คน สร้างรายได้อย่างน้อย 1,000 ล้านบาท

และในช่วงปลายปีจะมีงานแข่งขันโมโตจีพี (MotoGP) จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 10-12 ตุลาคม คาดมีผู้เข้าร่วมงาน 170,000 คน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

หวังกองทุนท่องเที่ยวต่อชีวิต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังพูดถึงแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้วยว่า ที่ผ่านมากระทรวงมีความพยายามที่จะผลักดันให้เกิดกองทุนฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายใต้วงเงิน 50,000-100,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจการท่องเที่ยวนับตั้งแต่กระทรวงการคลังภายใต้การกำกับของนายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จนมาถึงปัจจุบันกระทรวงการคลังก็ยังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางและเงื่อนไข หลังรับแนวทางจากนายกรัฐมนตรีไปแล้ว

ขณะเดียวกันแม้จะมีความพยายามผลักดันเรื่องการลดกำแพงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟต์โลนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ไม่มีสินทรัพย์ หรือบัญชีมีผลประกอบการที่ขาดทุน ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การปล่อยกู้ของธนาคาร

พร้อมย้ำว่า แนวทางการตั้งกองทุนและมาตรการการช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคเอกชนนั้น เป็นประเด็นที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯให้ความสำคัญและกระทุ้งมาตลอด และเข้าใจว่าซัพพลายทุกเซ็กเตอร์เดือดร้อนหนัก ซึ่งหากไม่ได้รับการช่วยเหลือ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปิดตัวไปอีกมหาศาล ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมในอนาคตอย่างแน่นอน

msn.com