ช่วงบ่ายผมได้ฟังข่าวช่องหนึ่ง รายงานจากเฮลิคอปเตอร์ มีการสำรวจผลกระทบของการกัดเซาะจากน้ำทะเลตามแนวชายฝั่ง เห็นมีแนว
หาดอ่าวนาง หาดนพรัตน์ธารา ไปจนถึงเขาหลัก
ดูเหมือนนักข่าวหลายสำนักกำลังให้ความสนใจในเรื่องนี้ อีกทั้งยังมีข่าวเกี่ยวกับการเกิดมรสุมที่ทำให้คลื่นทะเลมีความรุนแรงมากขึ้นในทุกๆ ปี ทำให้สุสานหอย ที่กระบี่ ได้รับความเสียหาย
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ผลกระทบนั้นมีมาทุกปี ทุกวัน และทุกชั่วโมง ไม่ต้องเกิดมรสุม เพราะกระบี่เป็นพื้นที่ฝนตกชุก ลมทะเลก็ไม่ได้พัดเอื่อยๆ ให้พอยืนรับลมได้ อาทิตย์นึงต้องมีซัก 1 วันที่จะมีคลื่นลมแรง ยิ่งช่วงหน้าฝน หรือช่วงต้นปี และปลายปี ยิ่งหนัก คลื่นจะกระแทกและกัดเซาะตามแนวชายฝั่งพังกันเป็นแถบๆ
สังเกตุว่าชายหาดต่างๆ จะต้องขนหินก้อนใหญ่ๆ มาวางและใช้ข่ายเหล็กยึดเกาะเพื่อกั้นแรงคลื่นทะเลในช่วงตอนน้ำขึ้นเต็มที่ ไม่งั้นถนนพัง เพราะเกือบ 80% ตามชายหาดจังหวัดกระบี่ ใช้ถนนเป็นตัวกั้นระหว่างชุมชนและทะเล
ผลกระทบครั้งนี้ก่อตัวมาหลายปีแต่ไร้หน่วยงานใดเข้ามาช่วยแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในพื้นที่
สุสานหอย ที่คลื่นซัดเป็นโพรงไปหมดแล้วทำให้ฟอสซิลหอยที่เป็นแผ่นหินไม่มีพื้นทรายรองรับน้ำหนัก การแตกหักและพังแบบนี้เกิดขึ้นทุกวัน ทุกปี
ต่างประเทศทำอย่างไรไม่รู้ แต่เค้าน่าจะมีมาตรการป้องกัน สิ่งล้ำค่า ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในพื้นพิภพนี้ เพราะในโลกนี้อย่างฟอสซิลหอยที่เป็นเหมือนสุสานหอยที่กระบี่นั้น มีเพียง 3 แห่งในโลกเท่านั้น
โปรดรีบอนุรักษ์ก่อนที่ทุกอย่างจะมีให้ดูเพียงภาพถ่าย