- หน้ากระดานพูดคุย และประกาศฟรี โปรโมทเว็บ ใช้ได้ // ปรับลิ้งออกให้เป็น Nofollow // ป้องกันสแปมคำ พนัน โป๊ เปลือย 18+ เป็นอุปกรณ์กีฬาชนิดต่าง ๆ อยากใส่อยากสแปม เชิญ ฮาๆ
ปรับให้ 1 ip โพสต์ตั้งกระทู้ได้ 30 นาทีต่อ 1 โพสต์ (เพื่อป้องกัน Spam) ขนาดตั้งแบบนี้ยังมีบางคน autopost มาชั่วโมงละโพสต์ เห็นใจคนดูแลด้วยนะ
ถ้าตรวจจับได้ว่าใช้ระบบ auto post จะลบโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
โปรโมทเว็บ Index ทุกหน้าไปที่ swenth.com
กระบี่วันนี้ รายงานข่าวล่าสุดประจำชั่วโมง
รายงานข่าวประจำวันที่ 3 พฤษภาคม 2024 : 7:24 AM by VWANDER Services
หมายเหตุ – ศาสตราภิชาน แล ดิลกวิทยรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์แรงงาน และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ มติชน ถึงจุดยืน แนวคิด ภายหลังตัดสินใจเตรียมลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ชุดใหม่ 200 คน
สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หรือ สภาสูงของระบบรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี พ.ศ.2560 คณะปัจจุบันมีจำนวน 250 คน ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ จะครบวาระ 5 ปี ในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ นำไปสู่การเลือก ส.ว.คณะใหม่ จำนวน 200 คน ภายใต้ระบบ เลือกกันเอง จากกลุ่มผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกเป็น ส.ว. รวม 20 กลุ่มอาชีพ เป็นที่จับตามองอย่างมาก เนื่องจากเป็นการเลือกกันเอง ถือเป็นวิธีการคัดเลือกแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมาก่อน
ผมเป็นคนที่เกิดและเติบโตในกรุงเทพมหานคร เข้ารับการศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนวัดยานนาวา ชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม โดยช่วงหนึ่งของชีวิตได้ออกจากโรงเรียนเพื่อไปทำงานในโรงแรมแห่งหนึ่ง และได้กลับมาสอบเทียบวุฒิการศึกษา กระทั่งสอบเข้ามาเรียนในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนจบระดับปริญญาตรี และปริญญาโท และได้สมัครเป็นอาจารย์สอนนิสิตในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2515
จากนั้นก็เข้าสอบชิงทุนรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ไปเรียนต่อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยในช่วงเวลาหนึ่งมีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศ 2 ครั้ง คือ ครั้งแรก ทำงานร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ในการขจัดการใช้แรงงานเด็ก และครั้งที่ 2 เป็นการทำงานร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานโพ้นทะเล จากนั้นก็เลือกทำงานเป็นอาจารย์สอนนิสิต นักศึกษา ในหลายสถาบันมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากงานสอนแล้ว ผมยังมีโอกาสได้ไปร่วมกิจกรรม เป็นวิทยากร เป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงาน องค์กร ที่ทำงานด้านแรงงานมาอย่างต่อเนื่องด้วย
จากประสบการณ์การทำงาน ในวัย 77 ปี ผมมีความสนใจสมัครรับเลือกเป็น ส.ว. โดยมีความคิดว่า หาก ส.ว.เป็นเรื่องของ ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ต้องมีทั้งคุณวุฒิ ความรู้ และประสบการณ์ จึงมั่นใจได้ว่า ประสบการณ์ที่ผมได้คลุกคลีกับงานด้านแรงงานมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คน วงการแรงงาน อย่างน้อยที่สุดหลายเรื่องที่ไม่มีการบันทึกไว้ เลือนลางไปกับความทรงจำของผู้คน ผมยังเป็นคนหนึ่งที่เก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้
ทั้งนี้ อย่างที่ทุกคนทราบดีว่า ส.ว.ไม่ได้เป็นตัวหลักในการเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่เป็นส่วนสำคัญในการชี้แนะในสิ่งที่ควรจะเป็น ดังนั้น เมื่อถึงบั้นปลายของชีวิต หากไม่ใช้ประสบการณ์ความรู้ของตัวเองให้เกิดประโยชน์ ก็จะเปล่าประโยชน์ เมื่อผมล้มหายตายจากไป
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในด้านความรู้ ผมเป็นอาจารย์สอนหนังสือด้านแรงงาน และแรงงานสัมพันธ์ ตั้งแต่ช่วง 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เป็นต้นมา โดยสอนในระดับชั้นปริญญาตรี ปริญญาโทหลักสูตรนานาชาติ ไปจนถึงกระบวนการแรงงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงมั่นใจว่าผมมีความเชี่ยวชาญด้านกระบวนการแรงงานทั้งในประเทศและประเทศใกล้เคียง ด้านประสบการณ์ ผมเคยเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายแรงงานในสมัยที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ยังเป็นที่ปรึกษาของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ที่ปรึกษาในคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) รวมถึงที่ปรึกษาให้กับหลายสหภาพแรงงานด้วย แม้กระทั่งในปัจจุบันนั้น ผมยังเดินสายบรรยายองค์ความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับสหภาพแรงงานต่างๆ จึงคิดว่าทั้งความรู้และประสบการณ์ของผมที่กล่าวมา จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้คนได้
ในการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกเป็น ส.ว.นั้น ผมใช้เวลาคิดเพียงคืนเดียว โดยได้รับกำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนๆ ที่เป็นนักวิชาการ ด้วยเห็นว่าควรจะนำประสบการณ์ของผมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จึงได้ใช้โอกาสนี้เปิดประสบการณ์ใหม่ ตัดสินใจว่าจะลงสมัครรับเลือก ส.ว.ในด้านแรงงาน ซึ่งหากได้รับเลือกก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากไม่ได้รับเลือกก็ถือเป็นประสบการณ์เรียนรู้อีกแบบ
สำหรับการเลือก ส.ว. ด้วยระบบเลือกกันเองนั้น โดยสภาพกฎเกณฑ์แล้ว เห็นว่าไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนเลย ดังนั้น การจะพูดว่า ส.ว.เข้าไปทำเพื่อประชาชนนั้น ก็พูดได้ไม่เต็มปาก เนื่องจากเป็นการเลือกกันเองในหมู่คนที่สมัครรับเลือกเป็น ส.ว.เท่านั้น โดยแต่ละคนต้องเสียค่าสมัคร 2,500 บาท อย่างไรก็ตาม อุดมการณ์ของผมที่ทำงานด้านแรงงานมากว่า 50 ปี อะไรที่ผิดเพี้ยน หากมีโอกาส ก็อยากเข้าไปแก้ไขให้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะ ส.ว.ที่ควรจะยึดโยงและอยู่ใต้อาณัติของประชาชนโดยทั่วไป
สภาพปัญหาของกระบวนแรงงานไทยใน
วันนี้ ผมคิดว่า ที่สำคัญที่เราพูดมาตลอด 20 ปี คือ การให้ประเทศไทยยอมรับสิทธิแรงงานอันเป็นสากล 2 ข้อที่สำคัญที่สุด คือ ข้อ 1 สิทธิในการจัดตั้งสหภาพแรงงานโดยอิสระ ซึ่งกฎหมายของไทยไม่ได้ยึดโยงกับมาตรฐานของสหประชาชาติ ฉะนั้น วันดี คืนดี เกิดรัฐประหารแล้ว อาจมีการยกเลิกกฎหมายขึ้นได้ เพราะไม่มีการทำสัญญาระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกัน ข้อ 2 สิทธิที่ลูกจ้างจะเรียกร้อง เจรจา ต่อรอง ซึ่งทั้ง 2 ข้อนี้
ต้องไปด้วยกัน
นอกจากนั้น กฎหมายแรงงานของไทยก็ตามโลกไม่ทัน เช่น อาชีพใหม่ๆ ที่ต้องการหลักประกัน อย่างเช่น ไรเดอร์ (Rider) ที่รับจ้างส่งอาหาร ส่งของ แม้จะมีรายได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม และถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ประกันตน ก็ต้องมาดูอีกว่า ใครจะเป็นผู้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน เพราะการสมทบเข้ากองทุนจะต้องประกอบด้วย 3 ฝ่าย คือ นายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ แต่เมื่อไปดูในรายละเอียด ก็พบว่าเจ้าของแพลตฟอร์มก็อ้างว่าตนไม่ได้เป็นนายจ้าง ฉะนั้น ไรเดอร์จึงเป็นอีกกลุ่มอาชีพที่เปราะบางมาก หากเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน หรือภรรยาตั้งครรภ์ขึ้นมา ก็ไม่มีสิทธิประโยชน์ไปคุ้มครองกลุ่มคนกลุ่มนี้
ดังนั้น เราจึงต้องพยายามสร้างหลัก สร้างฐาน ให้แรงงานมีหลักประกัน และสิ่งสำคัญคือ ความเหลื่อมล้ำ เห็นได้จากทุกครั้งที่ลูกจ้างจะเรียกร้องค่าจ้าง นายจ้างก็จะโวย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขาเป็นคนจ่ายเงิน แต่รัฐบาลก็โวยด้วย เพราะทำให้ขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ผมจึงคิดว่า หากเราจะลดความเหลื่อมล้ำได้
ก็ต้องพยายามทำให้คนกลุ่มแรงงาน คนทำงานที่เป็นคนชั้นกลางขยายใหญ่ที่สุด ให้เป็น รูปข้าวหลามตัด คือส่วนบนและส่วนล่างเล็ก โดยที่ส่วนกลางกว้างที่สุด ไม่ใช่เป็น รูปพีระมิด อย่างในปัจจุบัน ที่ส่วนบนเล็กและส่วนล่างกว้างที่สุด ซึ่งหากจะพูดเรื่องสวัสดิการสังคมนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก ถ้าหากคนชั้นกลางไม่เติบโต หากคนทำงานมีรายได้ไม่พอที่จะเลี้ยงลูก มีบ้าน เขาจะเอาเงินที่ไหนเสียภาษี และถ้าไม่มีเงินภาษี รัฐจะนำเงินส่วนใดมาทำสวัสดิการสังคม ฉะนั้น ต้องทำให้คนทำงานมีรายได้เพียงพอ ช่วยให้คนทำงานมีหลักมีฐาน
หากมีโอกาสก็อยากจะทำเรื่องเหล่านี้ แต่เราต้องเข้าใจว่า ส.ว.อาจทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่ถ้ามีโอกาสในกรอบของสิทธิ หน้าที่ ก็จะทำในเรื่องเหล่านี้ ส่วนในเรื่องการสื่อสารเจตนารมณ์ของผม ก็จะเป็นการสื่อสารตรงไปตรงมา ไม่ปั้นคำพูด เหมือนพูดกับเพื่อน พูดกับลูกศิษย์ ซึ่งผมไม่เปลี่ยนคำพูด เพราะข้อเท็จจริงไม่เคยเปลี่ยน ฉะนั้น ผมไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งคำพูด เพราะสิ่งเหล่านี้มันพูดด้วยตัวของมันเอง ถ้าหากสิ่งที่ผมทำได้คือการเป็นล่าม ในการแปลความจากภาษาของคนที่สังคมมองว่าเขาพูดจาไม่รู้เรื่อง ก้าวร้าว ฟังภาษาราชการไม่เป็น ผมก็จะเป็นล่ามแปลความในใจของเขา ให้เป็นภาษาที่คนฟังแล้วเห็นภาพ เข้าใจ และสะดวกหูคนฟัง เพราะเรื่องต่างๆ ล้วนมีน้ำหนักของเหตุและผลในตัวเองอยู่แล้ว
การรับสมัครรับเลือกเป็น ส.ว.ในครั้งนี้ ผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่มีความหวังว่า ส.ว.จะยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด โดยคนรุ่นใหม่เองก็มีความพยายามออกแบบสังคมที่สอดรับกับโลกในอนาคตมากขึ้น ฉะนั้น ผมมีความหวังว่า ผู้ที่จะเลือก ส.ว.ควรจะนึกถึงความจำเป็นในเรื่องเหล่านี้ ต้องเลือกคนที่มีความรู้ มีประสบการณ์ในแวดวงนั้นๆ นึกถึงโลกสมัยใหม่มากกว่าโลกในอดีต
9,897 กระทู้ ใน 1,093 หัวข้อ โดย 112 สมาชิก. สมาชิกล่าสุด: DayanaTruts
กระทู้ล่าสุด: "75,000บ/ด ให้เช่าที่ดิน ..." ( วันนี้ เวลา 06:48:24 AM )
ดูกระทู้ล่าสุดบนฟอรั่ม
83 บุคคลทั่วไป, 0 สมาชิก (4 Spiders)
วันนี้ออนไลน์มากที่สุด: 106. ออนไลน์มากที่สุด: 534 (มกราคม 07, 2023, 08:05:56 AM)