เมื่อคืนได้ดูรายการ Business Talks ทางช่องอะไรจำไม่ได้ แต่เปิดไปเห็นอาจารย์ธรณ์ ผู้ซึ่งเป็นไอดอลของผม ทำให้มือที่กำลังจะกดปุ่มเลื่อนช่องต่อไปหยุดชะงักในทันที เมื่อได้ฟังเรื่อง เกาะตาชัย กับวิกฤติต่างๆ ด้านการท่องเที่ยว ทำให้นึกถึงทะเลในวัยเด็กขึ้นมาอีกครั้ง ทะเลผืนเดียวกัน ต่างกันแค่สถานที่ของทะเลไทยในวันนี้
เช้ารุ่งขึ้นเลยเปิดหาจดหมายเปิดผนึกที่เคยได้รับมาอ่านทาง social media ฉบับนั้นอีกรอบ แล้วก็ค้นๆ ดูว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไร ก็ไปเจอว่าลงในสื่อหลักชื่อดังไปแล้วด้วย จดหมายเปิดผนึกถึงสังคม (http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000027422) เรื่อง "วิกฤตการจัดการการท่องเที่ยวทางทะเลในเขตอุทยานแห่งชาติ"
แล้วก็ทำการหาข้อมูลที่อาจารย์กล่าวเอาไว้ ทำให้หวลคิดถึงวันเก่าๆ ทะเลกระบี่ ก็เป็นอย่างที่อาจารย์พูดจริงๆ ทั้งเห็นกับตา และทั้งได้รับรู้จากเพื่อนฝูงเกี่ยวกับทะเลไทย (http://www.krabi.today/index.php/topic,246-ทะเลไทย-กำลังจะตาย?.html) โดยเฉพาะทะเลกระบี่
(http://www.krabi.today/photos/photo_700285880087220.jpg)
แม้ตัวผมเองจะเป็นอีกคนหนึ่งที่หวังให้ทะเลบ้านเกิด มีปรากฏการณ์ให้นักท่องเที่ยวอยากมายล เพื่อให้หลายๆ ฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญ แต่อีกใจหนึ่งก็อดหวงไม่ได้ว่า หากความเจริญเข้าครอบงำ ซึ่งมันกำลังเกิดขึ้นแล้ว ทะเลแห่งนั้นก็จะไม่เหมือนในวันเก่าอีกเลย แม้จะมีคนที่คอยอนุรักษ์ไว้ยิ่งชีวิต แต่อาจไม่เพียงพอหากเทียบกับมวลชนที่คลั่ง รวมไปถึงพลังแห่งธุรกิจและกำไร ที่สิ่งเหล่านั้นสวนทางกับสภาพความเป็นจริงที่หลายๆ คนคิด
(http://www.krabi.today/photos/photo_762122247152305.jpg)
ผมติดใจคำพูดประมาณว่า การรณรงค์การท่องเที่ยวของไทยเดินผิดทาง ในเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยว และคุณภาพของมัน ประเทศเราแลกกับธรรมชาติที่หาค่ามิได้ กับ 1 นักท่องเที่ยวที่ยอมจ่ายแค่ 500 บาทก็สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างลงได้อย่างราบคาบ
ก็หวังว่า อ่างนาง คลองม่วง ตลอดจนหาดทับแขก จะยังมีชีวิตอยู่รอดต่อไปตราบเท่าที่เรายังพอมีแรง รักษาให้ลูกหลานของเราเห็นมันต่อไป แต่สำหรับผม ภาพที่ผมเห็นตอนเด็ก มันไม่มีอีกแล้วไม่ว่าจะหาดใดๆ ในทะเลไทย