เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2566 สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว นำโดย นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ ATTA คณะกรรมการบริหารสมาคม ทีมวิจัย และสมาชิก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการนำเที่ยวตลาดซาอุดิอาระเบีย ลงสำรวจเส้นทางและพบปะเจรจาแลกเปลี่ยนธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต และ
จังหวัดกระบี่ ในช่วงวันที่ 17-19 สิงหาคม 2566 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานวิจัย
โดยการสนับสนุนทุนวิจัย จากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) และมีการจัดงานเจรจาแลกเปลี่ยนธุรกิจที่จังหวัดภูเก็ต ที่โรงแรมไมด้า แกรนด์ รีสอร์ท เชิงทะเล โดยทาง ATTA ได้เชิญ
รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. และประธานคณะอนุกรรมการแผนงานกลุ่มการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข.
ผศ.อนพัทย์ หนองคู ผู้ประสานงานการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข.
รวมถึงคณะนักวิจัย บพข. อาทิ
ผศ.ดร.ชวัลลักษณ์ คุณาธิกรกิจ ผู้อำนวยการแผนงานวิจัย “การพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มความสามารถด้านการตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว” สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว ATTA
รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน ม.รามคำแหง
ผศ.ดร.ประกอบศิริ ภักดีพินิจ ม.พะเยา เข้าร่วมทำกิจกรรม เพื่อติดตามผลการดำเนินงานร่วมระหว่าง ATTA ซึ่งเป็นภาคเอกชนที่ทำงานร่วมกับ บพข.ที่เกิดขึ้นเป็นการวิจัยตลาดแบบการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการท่องเที่ยวตัวจริง ให้เห็นประโยชน์ของการทำงานวิชาการมาบูรณาการกับทักษะวิชาชีพเพื่อต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคม ATTA กล่าวว่า วันนี้เรามีผู้ประกอบการ สมาชิก ATTA 21 ราย ที่ทำตลาด GCC กลุ่มประเทศความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council) ซึ่งรวมซาอุดีอาระเบีย และมีหลายบริษัทที่มีสำนักงานอยู่ที่ประเทศดูไบ การคัดกรองสมาชิกเข้าร่วมคณะเดินทาง เป็นกระบวนการสำคัญที่สุดของการลงพื้นที่ในการสำรวจเส้นทาง ในการคาดหวังผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นตามเป้าหมาย
ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องขอขอบคุณ บพข. ที่หนุนเสริมองค์ความรู้ทางวิชาการด้วยกระบวนการวิจัยนำร่องของ ATTA 3 ตลาด คือ อังกฤษ ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย เกิดจากการนำสถิติของโอกาสการเติบโตของตลาด และ เป็นไปตามทิศทางการท่องเที่ยวโลกที่เป็นตลาดสำคัญของประเทศไทย ในอนาคต ขยายฐานการตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย สู่เป้าหมาย 70 ล้านคนในอนาคต
ด้าน
รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการ บพข. เผยว่า กลไกการตลาดเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์จากงานวิจัยได้ ถ้าเรามีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกการทำงานของ บพข.ที่หนุนเสริมการทำงานร่วมกับภาคเอกชนในฐานะผู้ใช้ประโยชน์โดยตรง
ที่ผ่านมา บพข.ทำงานร่วมกับ ATTA เน้นการวิจัยที่ใช้ Data Driven ให้งานวิจัยมีคุณภาพเเละความแม่นยำมากขึ้น นำไปสู่การทำนายตลาดและออกแบบธุรกิจ โดยร่วมกันกำหนดโจทย์วิจัยเพื่อแก้ปัญหา (Pain Point) ในภาคการท่องเที่ยวและบริการ โดยดำเนินการทั้งฝั่งเจ้าบ้าน (Supply) อาทิ ความปลอดภัยทางการท่องเที่ยว อาสาสมัครทางการท่องเที่ยว
รวมไปถึงฝั่งผู้มาเยือน (Demand) โดยมุ่งเน้นการตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ อาทิ กลุ่มตะวันออกกลาง เพื่อมุ่งเน้นให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยนอกจากจะเป็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมาตรฐานสากลแล้วยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นการท่องเที่ยวแบบสังคมคาร์บอนต่ำ และประเทศไทยของเราจะเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ โดยประเทศไทยจะเป็นผู้นำในเรื่องการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพด้วยการขับเคลื่อนที่เกิดจากฐานงานวิจัย สู่สังคมไร้คาร์บอนได้ในอนาคตได้อย่างแน่นอน